วิธีสนทนาเพื่อครองรักให้ยืนยาวนั้นไม่ได้อยู่ที่การฝืนอารมณ์ปล่อยภาษาดอกไม้ออกมาเท่านั้น
แต่ยังสามารถพูดโดยคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
การคุยคือทางออกสำหรับทุกปัญหา
ถ้าคุณเห็นเขาอารมณ์เสียมา
ก็ให้ค่อยๆตะล่อม
พูดหวานๆหว่านล้อมให้เขารู้สึกดีขึ้น
แม้ใจจริงคุณอยากปล่อยให้เขาทุกข์ไปคนเดียวก็ตามที
เมื่อรู้ถึงความสำคัญของการคุยแล้วก็ถึงการปฏิบัติล่ะ
1.
โปรดทราบ
อารมณ์ไม่ดี
การบอกแจ้งแถลงไขให้แฟนทราบว่าเดี๊ยนกำลังหงุดหงิดนั้น
นอกจากจะเป็นวัคซีนป้องกันการทะเลาะเบาะแว้งแล้ว
ยังสามารถเรียกคะแนนความเห็นใจให้กับคุณได้อีกโขเลยเชียว
2.
อารมณ์ไม่มีถูกหรือผิด
หยุดตัดสินว่าแฟนคุณควรดีใจ
เสียใจ
หรือไม่สมควรจะมีอารมณ์ในเรื่องนั้นเรื่องนี้
เพราะอารมณ์ก็คืออารมณ์
จะชี้ผิดถูกตรงไหนได้เล่า
ถ้าเขาผิดหวังที่เงินเดือนกระเตี้องน้อยกว่าที่คิด
เชี่อว่าคุณหลายคนคงปลอบเขาว่า
,ที่รักจ๋า
แค่มีงานทำก็ดีถมไปแล้วอย่าคิดมาก,
นักจิตวิทยาชี้ว่า
เป็นคำตอบที่ไม่ได้ช่วยลดปลดเปลี้องความโกรธและความเจ็บช้ำที่เขาได้รับ
แต่กลับเป็นการตัดสินว่าเขาไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะฉุนขนาดนี้
ทำไมไม่ลองพูดในทำนองว่า
“น่าโมโหเหมือนกันที่ค่าตอบแทนมันไม่คุ้มค่ากับความทุ่มที่คุณทำไป
แล้วคุณคิดจะทำยังไงต่อล่ะคะ
3.
แฝงความนัย
ในทุกประโยคที่เราคุยกันนั้นส่วนใหญ่มักจะมีความหมายอื่นซ่อนอยู่ด้วย
ทั้งนี้ก็เพราะเราต้องการการตอบรับจากอีกฝ่ายหนึ่งเป็นสำคัญ
จำไว้ว่าการโต้ตอบที่ช่วยรังสรรค์ความรักคือ
คำพูดที่ส่งเสริมให้เกิดการสนทนาต่อไป
เช่น
ถ้าแฟนบ่น
“เฮ้อ!
ซวยชะมัดเลยวันนี้”
ก็ไม่ควรปากไวตอบกลับว่า
“แล้ว
ฉันไม่ยิ่งแย่กว่าคุณหรือซวยทุกวันเลย
ซวยซ้ำซวยซ้อน”
ความนัยของคำพูดก็คือ
“จะบ่นอะไรนักหนา
หุบปากซะบ้างเหอะ”
แค่นี้ก็จบเลย
ทั้งบทสนทนาและความสัมพันธ์ของคุณ
ทางที่ดีน่าจะพูดว่า
“ทำไมล่ะ
เกิดอะไรขึ้น
ไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิ”
4.
วันๆคุณทำอะไร
นักจิตวิทยาแนะวิธีที่จะทำให้แฟนคุณหันมาสนใจความเป็ฯไปในชีวิตคุณแต่ะวันได้
โดยการแสดงความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับรูปแบบชีวิตในวันหนึ่งๆ
ของเขาก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
5.
ร่วมด้วยช่วยๆกันทำ
ในที่นี้หมายถึงทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ
เช่น
ล้างจาน
ทำกับข้าว
ปลูกต้นไม้
เพราะการคุยกระจุ๋งกระจิ๋ง
มักจะเกิดขึ้นระหว่างที่ช่วยกันแบ่งปันงานบ้านเหล่านั้นนั่นเอง
6.
อย่าหักศอกตอกกลับ
นักจิตวิทยาเตือนว่าการด่าสวนกับกันไปมานั้น
ให้ได้ก็แค่ความสะใจประเดี๋ยวประด๋าว
แต่ไม่มีประโยชน์อันใดต่อชีวิตคู่เลย
ดังนั้นหลังจากที่คุณโดนต่อว่าต่อขาน
ก็ควรบอกแฟนคุณว่ารับรู้แล้วนะ
แต่อยากฟังเหตุผลของเขาด้วย
เช่น
ถ้าแฟนว่าคุณเรื่องที่ใช้เงินเปลืองคุณก็ไม่ควรเกรี้ยวกราดพาดพิงไปถึง
วิธีการใช้เงินของเขาว่ามันเปลืองพอๆ
กัน
แต่ให้ตอบกลับว่า
“นั่นก็เป็นมุมมองของคุณใช่ไหม
คราวนี้ของฉันอธิบายบ้างละกัน”
อย่างนี้สิคือการเปิดบทสนทนาอันทรงคุณค่าระหว่างคุณกับเขา
7.
ฟังและฟัง
แสดงให้คู่ของคุณเห็นว่าคุณใส่ใจและอยากมีส่วนร่วมกับเขาในทุกครั้งที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดและ
ประสบการณ์
ซึ่งแม้ว่าจะน่าเบื่อ
หรืออ่อนสีสันไปบ้างก็ตามที
บทสนทนาของคุณไม่จำเป็นต้องฉลาดเลิศเกินมนุษย์
แต่อย่างน้อยให้เขาได้รู้ถึงความพยายามของคุณก็พอแล้ว
เรื่องอารมณ์ขันมีบ้างก็ดี
เพราะมันคือยาโด๊ปสำหรับคู่ชีวิตดีๆ
นี่เอง
แต่ขอให้ดูตาม้าตาเรือก่อนปล่อยมุขฮาซักหน่อย
เนื่องจากบางคราวที่เขาอารมณ์เสีย
เขาอาจอยากคุยกับคุณแบบลึกซึ้งจริงจังก็เป็นได้
8.
เม้าท์คนอื่นวันละนิดจิตแจ่มใส
คุยถึงคนอื่นกันบ้างก็ไม่เลว
และควรเลือกเม้าท์คนที่คุณทั้งคู่รู้จัก
เชื่อไหมว่าการเม้าท์อย่างนี้จะทำให้คุณสนิทสนมกลมเกลียวกันทางใจกันมากกว่าเคย
9.
คุยจุบจิบให้ยาวสุดๆ
หากแฟนคุณแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ
ก็อย่าไปดักคอเขา
เช่น
รุ้แล้ว
รู้แล้ว
คุณคิดอะไรฉันรุ้หมดแล้วล่ะคะ
และควรกระตุ้นให้เขาพูดต่อไป
เพื่อเปิดประตูสู่การคุย
คุย
คุยให้นานที่สุด
อย่างเช่น
“จริงอ่ะ
เล่าต่อสิ
เล่าต่อ”
10.
ยกยอปอปั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงเท็จแค่ไหน
ผู้ชายทุกคนก็ชอบฟังคนอื่นชมเขาว่า
เขาทำให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความสุข
ไม่ว่าจะในฐานะแฟน
เพื่อนร่วมงาน
หรือเพื่อน
11.
เขาคือแสงสว่างแห่งชีวิต
เปิดเผยให้เขารู้สิว่าคำแนะนำของเขามีค่าสำหรับคุณยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่หนักหนาเอาการในชีวิตคุณ
พึงระลึกว่าคู่รักที่จะจีรังยั่งยืนนั้นควรตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆ
ร่วมกันเสมอ
12.
แฟนฉันหล่อที่ซู้ด
บอกเขาไปเถิดว่าเขาหล่อลากดิน
สุดเซ็กซี่
และน่าชิดใกล้มากแค่ไหน
เพราะเคล็ดเผ็ดร้อนทั้งหมดนี้ประยุกต์ใช้ได้กับคนทุกเพศที่มีความรัก
ดังนั้นถ้าแฟนหนุ่มขอคุณยังหนืดๆ
ไม่พูดไม่จา
รอให้ชีวิตหมดไปวันๆ
ก็รีบปลุกปล้ำจับเขาลุกขึ้นมาอ่านหน้านี้สิ
เพราะหลังอ่านจบคุณทั้งคู่อาจมีหัวข้อมันส์หยดมาคุย
คุย
คุยกันไม่รู้จบก็เป็นได้
|