แมมมาคาร์ซินอม
คือชื่อทางการแพทย์ของมะเร็งทรวงอกหรือมะเร็งเต้านมมะเร็ง
ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นกันมากที่สุด
ประมาณกันว่า
1 ใน 20
คนของสตรีจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้
อย่างไรก็ดี
การเยียวยารักษามะเร็งทรวงอกก็ได้มีการพัฒนาไปมาก
ยิ่งหากได้รับการตรวจพบเซลล์มะเร็งเสียแต่เนิ่นๆ
ก็จะทำให้การรักษาประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
การคลำเพื่อตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง
มีวิธีการอย่างไรบ้าง?
การคลำเพื่อตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองนั้นมีความสำคัญอย่างมาก
วิธีคลำทำไม่ยาก
เพียงชโลมเบบี้ออยล์ลงบนผิวเพื่อหล่อลื่น
จากนั้นยกแขนที่อยู่ข้างเดียวกับเต้านมข้างที่ต้องตรวจขึ้น
แล้วใช้นิ่วของมืออีกข้างหนึ่งคลำแบบกดๆ
โดยรอบบริเวณหัวนม
กดคลำไปรอบๆแบบขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
จนทั่วทุกจุดบนทรวงอก
หากพบว่ามีก้อนเนื้อผิดสังเกตที่กดโดนแล้วจะเจ็บปวดมาก
ควรรีบปรึกษาแพทย์
เพื่อให้ทำการตรวจวินิจฉัย
อย่างไรก็ตามก้อนเนื้อที่ผิดสังเกตดังกล่าว
อาจจะไม่ใช่เซลล์มะเร็งในทุกกรณีไป
เพราะการตรวจด้วยวิธีการคลำยังไม่ละเอียดลึกซึ้งเพียงพอ
การวินิจฉัยมะเร็งเต้านมโดยแพทย์
มีกี่วิธีอย่างไรบ้าง?
นอกเหนือจากการสังเกตดูลักษณะของเต้านม
และบีบหัวนมดูว่ามีน้ำหรือของเหลวอะไรไหลออกมาหรือไม่
แล้วยังมีการตรวจวินิจฉัยที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้นอีก
ดังนี้
1.
แมมโมกราฟี่
(Mammography) และ
ซีโรแมมโมกราฟี่
(Xeromammograhy)
เป็นการตรวจวินิจฉัยด้วยการเอ็กซเรย์ฉายรังสี
โดยอย่างแรกจะได้ภาพออกมาเป็นฟิล์มเนกาทีฟ
ส่วนอย่างหลังจะได้เป็นภายโพซิทีฟที่ชัดเจน
การตรวจด้วยวิธีนี้นับเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เพราะสามารถค้นพบเซลล์มะเร็งเพิ่งจะเริ่มก่อตัวเลยทีเดียว
ซึ่งสำหรับผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่
35-40 ปีขึ้นไป
และสำหรับผู้ที่มีคนในครอบครัว
อาทิ
คุณแม่หรือคุณย่าเคยป่วยเป็นโรคนี้
ควรหมั่นไปตรวจมะเร็งเต้านมด้วยวิธีการแมมโมกราฟี่
ทุกๆ 2 ปี
2.
การใช้เข็มเจาะ
ซึ่งมีสองระดับ
ระดับแรกจะเจาะตรงบริเวณก้อนเนื้อที่ผิดปกติ
เพื่อดูเอกแต่น้ำหรือของเหลวภายในมาตรวจ
ในขณะที่ระดับที่สองจะใช้เข็มใหญ่ดูดเอกชิ้นเนื้อในบริเวณที่ผิดปกตินั้นเพื่อมาตรวจ
3.
การผ่าตัดตรวจชิ้นเนื้อ
อาจจะผ่าออกทั้งก้อนหรือบางส่วน
ถ้าตรวจแล้วพบว่าชิ้นเนื้อนั้นเป็นเนื้อร้ายหรือเป็นมะเร็งก็จะต้องรีบทำการผ่าตัดออกไปอย่างเร่งด้วย
โอกาสรักษามะเร็งเต้านมในแต่ละระยะมีมากน้อยแค่ไหน
อย่างไร?
-
ถ้าก้อนเนื้อนั้นถูกค้นพบตั้งแต่ยังเป็นก้อนเล็กๆ
ขนาดประมาณ
0.3-2 ซม.
ซึ่งจะสามารถตรวจพบได้ด้วยวิธีการทางแมมโมกราฟี่
โอกาสที่จะรักษาให้หายอาจจะมีถึง
90-96
เปอร์เซ็นต์
-
หากก้อนเนื้อนั้นใหญ่จนสามารถคลำพบได้ด้วยตัวเอง
คือใหญ่สักประมาณ
3 ซม.
โอกาสที่จะสามารถรักษาให้หายจะเหลือเพียง
75-80
เปอร์เซ็นต์
(โอกาสจะลดลงเรื่อยๆ
หากก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่กว่านี้
และเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปแล้ว)
วิธีรักษาโรคมะเร็งเต้านม
มีด้วยกันกี่วิธี
อย่างไรบ้าง?
การให้การรักษาในคนไข้แต่ละรายจะแตกต่างกัน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเซลล์มะเร็งแพร่ไปถึงระยะไหน
ซึ่งวิธีการมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี
คือ
1. ผ่าตัด
โดยปกติแพทย์จะให้การรักษาด้วยวิธีนี้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริงๆ
ซึ่งจะผ่าเอกแต่ก้อนเนื้อร้ายออก
โดยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะตัดเต้านมทั้งหมดของผู้ป่วยทิ้ง
เพราะการผ่าตัดดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อจิตใจและรูปร่างของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
2. ฉายแสง
อาจใช้เพียงการฉายแสงอย่างเดียวหรือใช้เสริมภายหลังการผ่าตัดด้วย
เพื่อให้ผลการรักษาสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
โดยฉายไปที่บริเวณเต้านมและรักแร้
ซึ่งวิธีการดังกล่าวนั้นจะช่วยทำลายเซลล์มะเร็งให้ค่อยๆ
หมดไป
อย่างไรก็ดีวิธีการนี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงคือ
ทำให้คนไข้รู้สึกเหนื่อย
เพลีย
ไม่มีแรง
แต่เมื่อหยุดฉายแสงอาการเหล่านี้จะดีขึ้น
3. การให้ยาเคมี
เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
และช่วยปรับระดับสมดุลของฮอร์โมน
โดยอาจใช้ร่วมกับการรักษาแบบอื่น
อย่างไรก็ดียานี้มีผลข้างเคียงต่อคนไข้ผู้ใช้ยาอยู่พอสมควร
โดยจะทำให้ผมร่วง
คลื่นไส้
อาเจียนและอ่อนเปลี้ยเพลียแรง