หากเราได้พยายามดูแลตัววันภายในของเราให้มีสุขภาพดี  จนสามารถส่องประกายความงามออกมาให้ทั่วตลอด หัวจรดปลายเท้า ก็แทบจะไม่ต้องพึ่งพาเครื่องประทินโฉมใดๆ ให้กระเป๋าเบากันเปล่าปลี้เลย เพียงแค่เพิ่มความเอาใจใส่ต่อตัวเองให้มากขึ้นอีกนิด โดยอาจจะเริ่มง่ายๆที่ 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้

        การขัดผิว

     การขัดผิว คือการเผยโฉความงามที่อ่อนวัยกว่าอย่างแท้จริง เพราะผิวชั้นนอกที่ตายแล้วเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ความงามของผิวพรรณลดน้อยลง อันเนื่องมากจากความหมองคล้ำ ไม่สดใสของเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วนั่นเอง  ดังนั้นหากขัดผิวชั้นนี้ให้หลุดลอกออกไปได้ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ความงามอันผุดผ่องของคุณได้เผยโฉม ออกมานั่นเอง

        ผิวของคนเรานั้นปะระกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชั้น ชั้นล่างที่จับต้องสัมผัสไม่ได้ คือ หนังแท้ ซึ่งประกอบด้วยเส้นเลือดฝอย พังผืด เส้นเลือด และเส้นประสาทจำนวนมาก เมื่อสุขภาพเราดี จะสังเกตได้ว่าผิวพรรณของเราก็จะสดใสดูดีไปด้วย แต่ถ้าเกิดอาการแพ้ เช่น แพ้อาหาร แพ้ฝุ่นละออง แพ้อากาศ ปฏิกิริยาเหล่านี้จะแสดงออกที่ผิว เป็นผื่นแดง มีอาการคัน เป็นต้น

        ส่วนชั้นบนคือ หนังกำพร้า ครึ่งหนึ่งของชั้นนี้เป็นเซลล์แก่ที่ตายไปแล้วเรียงตัวอัดกันแน่น ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวหนังชั้นที่อยู่ต่ำลงไป ตลอดจนช่วยรักษาน้ำภายในร่างกายไม่ให้ระเหยออกสู่ภายนอกเสียหมดด้วย

        เซลล์แก่ที่ตายไปแล้วก็คือ ขี้ไคล นั่นเอง เมื่อหลุดออก เซลล์ชั้นถัดลงไปจะเขยิบขึ้นมาแทนที่ เซลล์ใหม่นี้ตอนแรกจะมีสภาพสมบูรณ์สดใส พอนานเข้าก็ค่อยๆ เสื่อมสภาพและตายไปหมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

        ครั้นเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น พ้นวัยเอ๊าะแล้ว การทดแทนของเซลล์จะเกิดช้าลง เมื่อเซลล์เก่าลอกพร้อมจะหลุด แต่ว่าเซลล์ใหม่โตไม่ทันเซลล์เก่าจึงจับตัวกัน เรียบตัวไม่เป็นระเบียบ ไม่เรียบลื่น ดูหยาบกระด้าง ถ้าลอกเซลล์เก่านี้ออกมาได้ ก็จะเจอเซลล์ผิวที่อ่อนเยาว์กว่า

        การขัดผิวจึงช่วยทำความสะอาดผิว และยังช่วยเร่งกายแบ่งตัวของเซลล์ได้เป็นอย่างดี ผิวก็จะนุ่มนวล ดูอ่อนวัย

        วิธีง่ายๆ ในการขัดผิว ให้ใช้ฟองน้ำที่ทำจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ขัดถูบริเวณใบหน้า หรือใช้ครีมขัดผิวที่เนื้อครีมมีเม็ดเล็กๆ เหมือนเม็ดทรายผสมอยู่ ขัดทั่วใบหน้า แล้วล้างด้วยน้ำอุ่น

        ดูแลเรือนผม        

        เฉกเช่นเดียวกันกับโฆษณาครีมบำรุงผิวทั้งหลาย ที่ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมล้วนบอกว่า แท้จริงแล้วในวัยเยาว์เราต่างเป็นเจ้าของเส้นผมทอประกายนุ่มดุจแพรไหมทั่วกันทุกคน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมทำให้เส้นผมของเราถูกทำลายให้แตกแห้งเสีย ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่จะให้เส้นผมนุ่มดุจใยไหมทอประกายเงางามของเราได้กลับคืนสู่สภาพเดิมเสียที

        เส้นผมที่ดีคือ เส้นผมที่เป็นประกายเงางามจัดทรงง่าย มีเสน่ห์ชวนมอง ส่วนสีสัน เส้นเล็กเส้นใหญ่ (ส้นผมจ้ะ ไม่ใช่เส้นก๋วยเตี๋ยว หรือเส้นสาย) เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล ซึ่งเส้นผมทุกประเภทสามารถเป็นเจ้าของ เส้นผมที่มีสุขภาพดีได้

        โดยทั่วไปลักษณะของเส้นผมแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

        ผมธรรมดา เป็นผมที่มีความสมดุล ไม่แห้งไม่มันเกินไป ใครมีผมแบบนี้นับว่าโชคดี เพราะจัดแต่งทรงง่าย และส้นผมมักจะเงางามดูมีสุขภาพดี แต่ถ้าไม่รักษาให้ดีผมก็มีแววจะกลายเป็นผมเสียได้

        ผมมัน ทั้งเส้นผมและหนังศีรษะมีน้ำมันมากเป็นพิเศษ ดูเป็นมันเยิ้มหลังสระผมไม่นานแถมยังลีบแบน จัดทรงยากอีกต่างหาก แบบนี้ต้องสระผมทุกวันด้วยแชมพู สำหรับผมธรรมดาถึงผมมัน ใฃ้ครีมนวดผมเฉพาะบริเวณปลายผมเท่านั้

        ผมแห้ง ดูหยาบกระด้าง แห้ง ผมพันกันง่าย ขาดและแตกปลายง่าย โอกาสที่ผมจะเสียขันรุนแรงมีมาก จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยใช้ครีมนวดผมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นเงางามทุกครั้งหลังสระ และหมักผม 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนและการใช้สารเคมีต่างๆ

        ฟันขาวเงางาม

        นอกเหนือจากเรือนผมและผิวพรรณแล้ว ฟันขาวสะอาดอวดประกายดุจไข่มุกก็เป็นอีกเหตุผมหนึ่งที่ช่วยให้เราดูอ่อนเยาว์ลงมาได้ ลองนึกภาพสาวสวยที่ละเลยการดูแลทำความสะอาดฟัน จนทำให้เกิดคราบหินปูนเกาะติด ไม่ว่ารูโฉมโดยทั่วไปจะปรุงแต่งให้สะสวยเลิศเลอสักเพียงใด แต่ในทุกคราวที่เธอแย้มปากยิ้มเผยเห็นฟันนั้น อายุขัยและความงามของเธอกลับจะติดลบลงไปอีกไม่รู้กี่เท่าตัว ช่างตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่หน้าตากดูเรียบๆธรรมดาคนหนึ่ง หากแต่เธอได้ดูแลฟันเป็นอย่างดีให้ขาวสะอาดชวนมอง ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะเบิกบาน แน่นอนโลกทั้งโลกดูสว่างไสวและบรรเจิดสวยงามไปกับรอยยิ้มของเธออย่างห้ามไม่ได้

        ฉะนั้นควรดูแลสุขภาพปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ

        1. หมั่นแปรงฟันให้ถูกวิธี หลังอาหารหากไม่สามารถแปรงฟันได้ให้บ้วนปากแทน

        2. พบทันตแพทย์ทุกปี

        3. เปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-4 เดือน เพราะแปรงสีฟันเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เช่น ไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย ทำให้เป็นไข้หวัดและโรคเหงือกอักเสบได้

        4. อย่าปล่อยให้ฟันเรียงตัวไม่เป็นระเบียบหรือการสบฟันไม่ดี เพราะการทำความสะอาดจะไม่ทั่วถึง เกิดบาดแผลที่เหงือก รวมทั้งปัญหาอื่นๆ

        5. รับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซี ให้พอ เพื่อป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน โดยเฉพาะหลังอาหาร การรับประทานผลไม้จะช่วยกำจัดเศษอาหารได้ระดับหนึ่ง